ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อจนส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น บริษัทในจีน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากทางการเรื่องการขึ้นราคา หันไปเลือกใช้กลยุทธ์แบบดั้งเดิมในการแก้ปัญหา นั่นคือการลดขนาดบรรจุภัณฑ์
เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ผู้ผลิตโค้ก เป๊ปซี่ ผลิตภัณฑ์ถนอมผิวหน้าลอรีอัล ผู้ผลิตนม และสินค้าอื่นๆ อีกหลากหลายชนิดในประเทศจีน เริ่มส่งสินค้าที่มีขนาดบรรจุภัณฑ์เล็กลงออกวางจำหน่ายในราคาเท่าเดิม นับเป็นยุทธวิธีในการผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไปให้แก่ผู้บริโภคอย่างแนบเนียน ขณะเดียวกันก็เป็นการหลีกเลี่ยงเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลจีน ที่บีบบริษัทผู้ผลิตไม่ให้ขึ้นราคาสินค้าจนทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อรุนแรงมากขึ้น
"การลดขนาดบรรจุภัณฑ์ในจีนเป็นวิธีที่บริษัทใช้ดูดซับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนโดยไม่ตกเป็นที่สนใจมากเกินไปนัก" ทอร์สเทน สต็อกเกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษา มอนิเตอร์ กรุ๊ปฯ กล่าว โดยสต็อกเกอร์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับที่ไม่มากจนกลายเป็นที่สังเกตของผู้บริโภค
ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นกลายมาเป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาลจีน ซึ่งเกรงกลัวว่าภาวะเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบด้านลบต่อการเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ จีนได้ออกกฎควบคุมราคาสินค้าประเภทอาหารหลายประเภท และกดดันไม่ให้บริษัทผู้ผลิตปรับขึ้นราคา ราคาผู้บริโภคโดยรวมของจีนในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 5.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เกินกว่าเป้าหมาย 4% ที่รัฐบาลวางไว้ โดยเฉพาะราคาอาหารที่พุ่งขึ้นสูงถึง 11.5%
ผู้บริหารคนหนึ่งกล่าวว่า คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมราคาสินค้า ได้กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตสินค้าทั้งในและนอกประเทศเปิดเผยต้นทุนการผลิตและอัตรากำไรจากการดำเนินการ โดยเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการอ้างว่าควรมีการจำกัดอัตรากำไร และไม่ยอมรับข้อเสนอที่ว่ารัฐบาลควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ อาทิ ต้นทุนการตลาด
ในเดือนนี้รัฐบาลจีนสั่งปรับบริษัท ยูนิลีเวอร์ฯ ประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากการประกาศขึ้นราคาสินค้าผ่านสื่อ โดยรัฐบาลกล่าวว่าเป็นการกระทำที่นำไปสู่การกักตุนสินค้า
นางหลวน ซิ่วจู กรรมการผู้จัดการบริษัท ไชน่า ฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของบริษัท คอฟโก โคคา-โคลา เบเวอเรเจส จำกัด กล่าวว่าราคาโดยเฉลี่ยที่ผู้บริโภคจ่ายในการซื้อสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6% ในไตรมาสแรกของปีนี้ "ปีที่แล้วเรามีแต่ขวดขนาด 600 มิลลิลิตร แต่ในปีนี้เราจะเปลี่ยนเป็น 500 มิลลิลิตร" นาง
หลวนกล่าว โดยเธอเชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้โค้กยังเปลี่ยนไปใช้สารให้ความหวานที่มีราคาถูกลงด้วย
มอนิเตอร์ กรุ๊ป กล่าวว่าเป๊ปซี่ก็ลดขนาดขวดจาก 600 มิลลิลิตรเป็น 500 มิลลิลิตรเช่นกัน โดยคงราคาไว้ที่ประมาณ 3 หยวนเท่าเดิม โฆษกของเป๊ปซี่โค อิงค์ กล่าวว่าขนาดขวดเป๊ปซี่ที่เล็กลงทำให้แบรนด์น้ำอัดลมในจีนของบริษัทมีขนาดใกล้เคียงกับเครื่องดื่มไร้คาร์บอเนตส่วนใหญ่
ฟากผู้บริโภค มีบางรายที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง นายชุ่ย จีเสี้ยน ผู้บริโภคคนหนึ่งกล่าวว่าเขาสังเกตเห็นว่าแถวขนมปังมีขนาดเล็กลง "ผมไม่โทษที่บริษัททำแบบนี้ พวกเขาจำเป็นต้องทำเพราะราคาของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน" ชุ่ยวัย 75 ปีกล่าว ขณะที่จง หลี่ปิง วัย 60 ปี กล่าวว่าเธอไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง "ผู้ซื้อสูงอายุอย่างพวกเราส่วนใหญ่สนใจแต่ราคา ฉันคิดว่าบริษัทเหล่านี้ต้องบอกให้ผู้คนรับรู้ว่าสินค้ามีขนาดเล็กลง เพราะมันไม่ถูกต้อง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น